บทความน่ารู้

ทฤษฎีการตั้งเป้าหมายของ Locke: การตั้งเป้าหมายและเพิ่มแรงจูงใจในการทำงาน

          การตั้งเป้าหมายสำหรับตัวเอง ทีม และองค์กรของคุณสามารถช่วยเพิ่มแรงจูงใจในการทำงานให้กับทุกคนได้ หนึ่งในทฤษฎีที่ช่วยให้ตั้งเป้าหมายได้สำเร็จคือทฤษฎีของ Locke ซึ่งประกอบไปด้วย 5 หลักการที่จะช่วยให้คุณตั้งเป้าหมายที่สามารถทำตามได้จนถึงที่สุด ดังนี้:

          - Clarity (ความชัดเจน)

          - Challenge (ความท้าทาย)

          - Commitment (ความมุ่งมั่น)

          - Feedback (ข้อเสนอแนะ)

          - Task complexity (ความซับซ้อนของงาน)

          เมื่อสามารถตั้งเป้าหมายโดยคำนึงถึงทั้ง 5 หลักการ ก็จะนำไปสู่การยกระดับผลงานของที่ทำงานนั่นเอง

 

ทฤษฎีการตั้งเป้าหมายของ Locke

 

1. ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน

          ความชัดเจนเป็นสิ่งที่สำคัญในการตั้งเป้าหมาย เพราะเป้าหมายที่ไม่ชัดเจนคงไม่สามารถเพิ่มแรงจูงใจให้กับใคร และการวัดความสำเร็จในการทำตามเป้าหมายก็จะเป็นเรื่องที่ยาก ถ้าหากให้ยกตัวอย่าง แทนที่จะบอกลูกทีมว่า “ให้พยายามพบปะผู้คนและสานสัมพันธ์มากกว่านี้” ให้เปลี่ยนเป็นการบอกอย่างชัดเจนว่า “ฉันอยากให้คุณเข้าร่วมกิจกรรมเครือข่าย 2 กิจกรรมในไตรมาสนี้ และทำความรู้จักคน 10 คนต่อกิจกรรม” ถ้าหากมีส่วนไหนของเป้าหมายที่ไม่ชัดเจน คุณควรที่จะชี้แจงให้ทีมฟัง และทำการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม

 

 2. สร้างความท้าทายให้ตัวเอง

          Locke ได้กล่าวไว้ว่าเป้าหมายที่ท้าทายสามารถสร้างแรงจูงใจได้มากกว่าเป้าหมายที่ทำได้ง่าย อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าคุณต้องทำให้เป้าหมายนั้นไม่เกินจริงและสามารถทำให้สำเร็จได้จริง ไม่ใช่เป้าหมายที่ทะเยอทะยานแต่เกินความสามารถและไม่ตั้งอยู่บนความเป็นไปได้ การตั้งเป้าหมายควรคำนึงถึงการพัฒนาผลงานที่ผ่านมาและการสร้างความท้าทายเพื่อพาทีมของคุณก้าวหน้าไปอีกขั้น

 

3. มุ่งมั่นทำตามเป้าหมาย

          การที่จะสามารถมีแรงจูงใจในการบรรลุเป้าหมายที่มากพอ จะต้องทำให้มั่นใจว่าทั้งทีมมีความมุ่งมั่นในการทำตามเป้าหมาย ถ้าหากมีใครสักคนที่ไม่มั่นใจในความสามารถของตัวเองในการทำตามเป้าหมาย ประสิทธิภาพในการทำงานของเขาก็จะลดลงไปด้วย เพราะฉะนั้นการพูดคุยกับทีมเพื่อให้มุ่งหน้าไปยังสิ่งเดียวกันและแจกแจงความรับผิดชอบของแต่ละคนให้เป็นสัดเป็นส่วนจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ

 

4. รับฟังข้อเสนอแนะ

          การรับฟังข้อเสนอแนะจากทีมเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้มั่นใจว่าทุกคนเข้าใจตรงกัน หากไม่มีโอกาสในการพูดข้อเสนอแนะ คนในทีมก็อาจจะไม่สามารถแสดงความคิดเห็นของตนว่าจะสามารถทำตามเป้าหมายได้สำเร็จหรือไม่ นอกจากนี้ ข้อเสนอแนะควรถูกรับฟังโดยทุกคนในทีมเพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนเข้าใจในเรื่องเดียวกัน ซึ่งเป็นการป้องกันการทำงานแบบแยกส่วนที่จะต้องนำมารวมกันและแก้ไขส่วนที่ขัดแย้งในภายหลัง

 

5. พิจารณาความซับซ้อนของงาน

          แม้ว่าเป้าหมายของคุณควรจะมีความท้าทาย แต่มันก็ไม่ควรที่จะซับซ้อนเกินกว่าที่ทีมของคุณจะรับไหว สุขภาพจิตของพวกเขาควรได้รับความสำคัญมากพอกับเป้าหมายที่ไม่เกินจริงที่พวกเขามุ่งมั่นที่จะทำให้สำเร็จ

          ความมุ่งมั่นในการทำงานคือแก่นของทฤษฎีการตั้งเป้าหมายของ Locke และถ้างานมีความซับซ้อนมากเกินไป ความมุ่งมั่นของทีมก็จะตกลงในที่สุด ดังนั้นหากคุณได้รับความเห็นจากทีมว่าเป้าหมายนั้นยากเกินที่จะทำสำเร็จ ให้ย่อยเป้าหมายนั้นเป็นเป้าหมายเล็ก ๆ เพื่อให้พวกเขาสามารถทำงานได้ไปทีละขั้น การทำเช่นนี้ยังช่วยย่นระยะการทำเป้าหมายให้สำเร็จ เนื่องจากมองความสำเร็จเป็นขั้นตอนมากกว่าการมุ่งไปในทางที่ยาวไกลเพื่อเป้าหมายหนึ่งเดียว ยกตัวอย่างเช่น หากเป้าหมายของคุณคือการมีลูกค้าใหม่ 1000 คนภายในสิ้นปี การกำหนดเป้าหมายรายเดือนสามารถช่วยให้จัดการงานได้ดียิ่งขึ้น

 

 

         HR องค์กรใด อยากบอกรักพนักงานแบบเกร๋ๆ เท่ๆ แนว HR ยุคใหม่ ที่ดูเเลแบบนั่งอยู่ในใจพนักงาน ลองติดต่อ Solution ปรึกษานักจิตวิทยาจาก Relationflip : Innovative Mental Healthcare Web Application ที่พร้อมช่วยพนักงานของคุณดีลกับปัญหาและเป็นที่ปรึกษาในทุกๆ เรื่องนะคะ Tel: 099-0026888 #InnovativeMentalHealthcare #MentalHealthcareService #Relationflip

Reference: https://www.tsw.co.uk/blog/leadership-and-management/lockes-goal-setting-theory/